การซื้อขายรถมือสอง จะต้องพิจารณาจากหลักเกณฑ์ข้อใดบ้าง
เป็นเรื่องปกติที่ยุคนี้เริ่มมีคนนำรถมาขายทอดตลาดกันมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักของการนำรถมาขายเป็นรถมือสองเพื่อหาเงินก้อนโตนั้น มักจะมาจากพิษเศรษฐกิจที่มีความผันผวนรุนแรง หลายคนลดภาระการผ่อนรถ โดยเลือกที่จะมานั่งรถประจำทางไปทำงานแทนการขับรถส่วนตัว การนำรถส่วนตัวมาขายจึงช่วยให้เราบริหารเงินได้ง่ายขึ้นและยังมีรถก้อนโตมาใช้ก่อน คนที่กำลังมีปัญหาเรื่องเงินหรือเพิ่งจะตกงาน เสียงานไปกะทันหันและคนที่รายได้ลดลง การเลือกที่จะขายรถก็จะเป็นทางเลือกที่ดีอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถรักษาสิ่งที่เรามีเอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามการขายรถนั้น เราจะต้องรู้จักเทคนิคการประเมินหาราคาที่เราสามารถขายได้ว่าเราควรได้เงินเท่าไหร่ เราจะได้มั่นใจว่าจะไม่โดนเอาเปรียบจากคนกลางหรือผู้ซื้อ ซึ่งแนวทางที่เราจะใช้ในการประเมินนั้นมีหลักเกณฑ์ที่เรานำมาให้ท่านอ่านในบทความนี้แล้ว
หลักเกณฑ์ที่เราจะนำมาประเมินราคาของรถที่เราต้องการนำมาขายเป็นรถมือสองเพื่อช่วยให้เรามีเงินก้อนใหญ่นั้น เบื้องต้นเราจะต้องดูว่าเราซื้อรถคันนั้นมาราคาเท่าไหร่ ซึ่งหากรถที่เราซื้อมาเป็นรถรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะออกมาไม่กี่ปี เราควรที่จะประเมินโดยเริ่มจากราคาเต็มตอนที่เราซื้อมา แต่หากรถที่เราซื้อมานั้นเป็นรถรุ่นเก่าที่ออกมานานแล้ว เราควรใช้วิธีการอิงราคาจากตลาดว่าในตลาดนั้นมีการซื้อขายรถรุ่นนั้นอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ เราจะได้ประเมินราคาออกมาได้ง่ายยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเราจะต้องมาดูการใช้งานของรถว่ามีการใช้งานหนักเบาอย่างไรบ้าง รถที่มีการใช้งานอย่างหนักวิ่งเป็นระยะทางไกลๆ เราก็ไม่สามารถประเมินราคารถของเราให้สูงกว่ารถในตลาดได้ ควรขายตามราคาในตลาดที่ขายๆกัน แต่หากรถของเรามีการใช้งานน้อย ระยะทางที่ใช้งานนั้นอยู่ที่หมื่นต้นๆหรือสองหมื่นกิโลเมตร รู้ไหมว่าท่านควรใช้ข้อดีตรงนี้ในการอัพราคาให้รถของเราขายได้ในราคาสูงกว่ารถที่ขายในตลาด เพราะเราไม่ได้ใช้งานมาเยอะอะไรมากมาย ดังนั้นการขายทอดตลาด เราควรได้ขายออกในราคาที่สูงกว่าด้วย
หลายคนไม่ได้มีความรู้ในการประเมินราคารถด้วยตนเอง จึงทำให้โดนคนที่เข้ามารับซื้อหรือคนที่เป็นตัวกลางกดราคา รวมถึงหลายคนไม่ประเมินราคาไปก่อน จนโดนผู้ซื้อเอาเปรียบ ดังนั้นความรู้ในการประเมินราคารถด้วยตนเองนั้นมีความสำคัญเช่นกัน